BEOGAMING : มวยปล้ำเป็นกีฬา ที่เป็นที่นิยมมายาวนาน ตั้งแต่สมัย 15,000 ปี ที่ผ่านมา จุดกำเนิดเกิดมาจากประเทศฝรั่งเศส โดยมีหลักฐานจากรูปภาพ เกี่ยวกับมวยปล้ำในถ้ำ ของชาวบาบิโลน และชาวอียิปต์ ในยุคกรีกโบราณ มวยปล้ำมีหลักฐานอย่างเด่นชัด จากตำนานและเรื่องเล่าต่างๆ

BEOGAMING : และในปัจจุบันกีฬาชนิดนี้ ก็ได้รับการบรรจุไว้ ในกีฬาโอลิมปิกเรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อก่อนในยุคโรมันโบราณ ได้ใช้ศิลปะการต่อสู้มาจากกรีก ก่อนที่ในศตวรรษที่ 15 มวยปล้ำได้มีความนิยม ในหมู่ของผู้สูงศักดิ์ เชื้อพระวงศ์ ประเทศฝรั่งเศส ประเทศญี่ปุ่น
และประเทศอังกฤษ โดยชาวอเมริกันในช่วงเริ่มแรก ได้นำวัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง ของมวยปล้ำเข้ามาเผยแพร่ ในประเทศอังกฤษ โดยกีฬามวยปล้ำมือสมัครเล่น ได้รุ่งโรจน์ในช่วงต้น ที่สหรัฐอเมริกา และใช้เป็นกิจกรรมในการ เลี้ยงฉลองวันหยุด และกีฬาของกองทัพ
การจัดการแข่งขันมวยปล้ำระดับชาติ ที่สหรัฐอเมริกา เริ่มต้นเป็นครั้งแรก ในเมืองนิวยอร์ก ในปี ค.ศ 1888 ขณะที่แชมป์กีฬามวยปล้ำ ในกีฬาโอลิมปิกยุคใหม่ มีขึ้นในปี ค.ศ 1904 ที่เมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี ในปี ค.ศ 1912 ที่ประเทศเบลเยี่ยม
แชมป์มวยปล้ำของ NCAA Wrestling มีขึ้นในปี ค.ศ 1912 ในรัฐไอโอวา เมืองเอมส์ และกีฬาชนิดนี้ เริ่มเป็นกีฬาพื้นฐาน ของมวยปล้ำสมัครเล่น ในปี ค.ศ 1983 มวยปล้ำยังเป็นกีฬาอันดับต้นๆ ในการแข่งขันโอลิมปิก ที่กรุงเอเธนส์ ในปี ค.ศ 1896 โดยมีการแข่งขันในรูปแบบ Greco – roman แบบไม่จำกัดรุ่น น้ำหนักผู้แข่งขัน มวยปล้ำไม่ได้เป็น การแข่งขันแค่บนผืนเสื่อ แต่ยังเป็นการต่อสู้ ในแบบการหัก 45 องศา และการโจมตีทางด้านหลัง เพื่อเก็บคะแนน ในปี ค.ศ 1908 มวยปล้ำแบบ Greco – roman ได้ถูกบรรจุใหม่ในกีฬาโอลิมปิก และเมื่อเดือนกันยายน ปี ค.ศ 2001 สมาคมกีฬาโอลิมปิกสากล ได้นำกีฬาประเภทมวยปล้ำ ให้เพิ่มขึ้นเป็นแบบ 2 แบบ คือ
1. มวยปล้ำผู้หญิง ถูกบรรจุในกีฬาโอลิมปิก เมื่อปี ค.ศ 2004 แบ่งออกเป็น 4 ประเภทน้ำหนัก
2. ลดประเภทน้ำหนัก ในกีฬาชายลง จากอายุ 16 เป็นอายุ 14 ในประเภท Greco – roman และแบบอิสระนั่นเอง
สำหรับทักษะในการเล่น กีฬามวยปล้ำนั้น เป็นกีฬาที่ต้องใช้การปะทะ และใช้ทักษะเฉพาะตัวค่อนข้างสูง เป็นกีฬาเก่าแก่ที่สุดอย่างหนึ่ง เป็นกีฬาที่ใช้ ฝึกกันเพื่อความอยู่รอด ในการดำรงชีวิต ในยุคสมัยก่อน มวยปล้ำฟรีสไตล์ นั้นเป็นพื้นฐานเทคนิค การปล้ำทุกประเภท มีอุปกรณ์เพิ่มเติม เหมือนชุดกิมิโน ที่คุณสามารถจับใส่ได้ โดยใช้เพียงร่างกายของตน ในการใช้ต่อสู้ โดยการสัมผัสโดยตรง กับร่างกายของคู่ต่อสู้ กีฬาประเภทนี้จะช่วย เสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง กล้ามเนื้อหลัง และปลายแขน มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ ในการแข่งขันแต่ละคู่นั้น ก็จะใช้เวลาการปล้ำอยู่ 3 ยก ยกละ 3 นาที นอกจากจะมีการชนะเกิดขึ้น ก่อนเวลาที่กำหนด กรรมการรักษาเวลา จะแจ้งเวลาให้ทราบทุกๆนาที และจะลั่นระฆัง เป็นสัญญาณเมื่อหมดเวลา ซึ่งกรรมการผู้ตัดสิน จะแสดงสัญญาณ โดยการเป่านกหวีด การปล้ำจากหลัง จากสัญญาณระฆังหรือนกหวีดดัง จะไม่ถือเป็นผลการแข่งขัน ในระหว่างพักยก ผู้เข้าแข่งขัน จะได้รับการแนะนำ และนวดตัวจากโค๊ช ได้จนถึงอีก 5 นาที ก่อนระฆังสัญญาณจะดังขึ้น การแข่งขันจะยุติลง หากมีการหยุดชะงักเกิน 5 นาที ผู้เข้าแข่งขันที่สามารถ ล้มคู่ต่อสู้ลงได้ หรือได้คะแนนมากกว่า จะเป็นฝ่ายที่ชนะไป สำหรับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ ในการแข่งขันนั้น จะเกิดขึ้นได้หากมีการล้มลงเกิน 90 องศา หลังแตะพื้นเวที เช่น ถูกล็อคตัวไว้ แบบท่าโค้งสะพาน หรือพยายามหลบเลี่ยง จากการทำให้ล้ม โดยใช้ศอกเพื่อให้ไหล่พ้นเวที สัมผัสเวทีด้วยไหล่อีกข้างแทน ในแนวดิ่ง หรือเมื่อถูกพลิกตัวคว่ำท้อง หรือออกแตะพื้นที่เวที กรรมการจะทำการนับ 1 -5 เมื่อเห็นว่าผู้เข้าแข่งขัน อยู่ในท่าที่อันตรายนั่นเอง
บทความจาก : BEOGAMING